หัวข้อ  “เศรษฐกิจระดับครัวเรือนเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน
ประชาชน 42.1% ระบุเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันย่ำแย่กว่าเดิม
42.8 % ระบุว่ามีรายได้พอดีกับค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเก็บออม
67.8% ต้องใช้ชีวิตแบบ “พออยู่พอกิน” แต่มีถึง 24.9 % ที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง
71.3% ระบุรัฐบาลทำดีที่สุดแล้วกับการบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมา
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน
เรื่อง “เศรษฐกิจระดับครัวเรือนเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชน
ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,143 คน พบว่า
 
                 ประชาชนร้อยละ 42.1เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันย่ำแย่
กว่าเดิม
รองลงมาร้อยละ 38.4 เห็นว่าแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 19.5 เห็นว่าเศรษฐกิจ
เริ่มดีขึ้น
 
                  ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 63.1 ระบุว่าราคาสินค้าในปัจจุบันมีผลกระทบ
กับชีวิตประจำวัน
ขณะที่ร้อยละ 36.9 ระบุว่าไม่กระทบ
 
                  เมื่อถามถึงรายได้ในแต่ละเดือนว่าเพียงพอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ ประชาชน
ร้อยละ 42.8 ระบุว่ามีรายได้พอดีกับค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเก็บออม
รองลงมาร้อยละ
37.5 ระบุว่ารายได้ไม่เพียงพอ ต้องกู้ ต้องหยิบยืม และมีเพียงร้อยละ 19.7 ที่ระบุว่ามีรายได้
เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม
 
                  สำหรับความเครียดกับเรื่องการเงินของครอบครัวในปัจจุบันพบว่า ประชาชนร้อยละ 59.5 ระบุว่าไม่เครียด
ขณะที่ร้อยละ 40.5 ระบุว่าเครียด
 
                  เมื่อให้เปรียบเทียบสำนวนไทยกับสภาพการเงินในปัจจุบัน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.8 ระบุว่า
สภาพการเงินของตนเองตรงกับสำนวน “พออยู่พอกิน”
รองลงมาร้อยละ 29.4 ตรงกับสำนวน “ชักหน้าไม่ถึงหลัง”
และ ตรงกับสำนวน “อดมื้อกินมื้อ” และ“เหลือกินเหลือใช้” ที่ร้อยละ 1.4
 
                  ส่วนความเห็นต่อการบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ประชาชน
ร้อยละ 71.3 ระบุว่า “รัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว”
รองลงมา ร้อยละ 17.4 ระบุว่า “น่าผิดหวัง” ที่เหลือร้อยละ 11.3 ระบุว่า
“ดีกว่าที่คาดหวังไว้”
 
                  นอกจากนี้เมื่อถามถึงความคาดหวังที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตภายใต้การนำของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าร้อยละ 49.7 ระบุว่ารู้สึกมีความหวัง
รองลงมาร้อยละ 40.5 ระบุว่ารู้สึกเฉยๆ
และมีเพียงร้อยละ 9.8 เท่านั้นที่ระบุว่า รู้สึกสิ้นหวัง
 
 
                 โดยมีรายละเอียดดังนี้
 
             1. ความเห็นต่อสภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้

 
ร้อยละ
เศรษฐกิจย่ำแย่กว่าเดิม
42.1
เศรษฐกิจยังแย่เหมือนเดิม
38.4
เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น
19.5
 
 
             2. ราคาสินค้าและบริการในปัจจุบันส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันมากน้อยเพียงใด

 
ร้อยละ
มีผลกระทบ
(โดยในจำนวนนี้ระบุว่า มีผลกระทบมาก ร้อยละ 29.0
  มีผลกระทบค่อนข้างมาก ร้อยละ 34.1)
63.1
ไม่มีผลกระทบ
(โดยในจำนวนนี้ระบุว่า ไม่ค่อยมีผลกระทบ ร้อยละ 30.5
  ไม่มีผลกระทบเลย ร้อยละ 6.4)
36.9
 
 
             3.รายได้ในแต่ละเดือนเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบันหรือไม่

 
ร้อยละ
พอดีกับค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเก็บออม
42.8
ไม่เพียงพอ ต้องกู้ ต้องหยิบยืม
37.5
เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม
19.7
 
 
             4. ปัจจุบันมีความเครียดกับเรื่องการเงินของครอบครัวเพียงใด

 
ร้อยละ
มีความเครียด
(โดยในจำนวนนี้ระบุว่า ไม่เครียด ร้อยละ 59.5
  เครียดมาก ร้อยละ 15.6)
40.5
เครียดค่อนข้างมาก
(โดยในจำนวนนี้ระบุว่า ไม่ค่อยเครียด ร้อยละ 41.7
  ไม่เครียดเลย ร้อยละ 17.8)
24.9
 
 
             5. สำนวนไทยที่ตรงกับสภาพการเงินมากในปัจจุบันที่สุด

 
ร้อยละ
พออยู่พอกิน
67.8
ชักหน้าไม่ถึงหลัง
29.4
อดมื้อกินมื้อ
1.4
เหลือกินเหลือใช้
1.4
 
 
             6. ความเห็นต่อการบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 
ร้อยละ
รัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว
71.3
น่าผิดหวัง
17.4
ดีกว่าที่คาดหวังไว้
11.3
 
 
             7. ความรู้สึกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 
ร้อยละ
รู้สึกมีความหวัง
49.7
รู้สึกเฉยๆ
40.5
รู้สึกสิ้นหวัง
9.8
 
 
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ:
                  เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน ในด้านผลกระทบ
จากราคาสินค้า ความเพียงพอของรายได้ในแต่ละเดือน และความเครียดต่อสภาพการเงินของครอบครัว รวมถึง
ความเห็นที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้สังคมและรัฐบาลได้รับทราบและนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อไป
 
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่ม
สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling
แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) แล้วได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้อง
สมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 7-9 กรกฎาคม 2558
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 11 กรกฎาคม 2558
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
552
48.3
             หญิง
591
51.7
รวม
1,143
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
186
16.3
             31 – 40 ปี
261
22.8
             41 – 50 ปี
318
27.8
             51 – 60 ปี
254
22.2
             61 ปีขึ้นไป
124
10.9
รวม
1,143
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
780
68.4
             ปริญญาตรี
282
24.6
             สูงกว่าปริญญาตรี
81
7.0
รวม
1,143
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
127
11.1
             ลูกจ้างเอกชน
300
26.3
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
455
39.9
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
62
5.4
             ทำงานให้ครอบครัว
2
0.2
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
136
11.9
             นักเรียน/ นักศึกษา
40
3.5
             ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม
21
1.7
รวม
1,143
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776